| [BIT][ไทย]มาแล้วคร๊าบ ร้อนจากเตา Ong Bak 3/องค์บาก 3[มีแผ่น D5,D9 ให้เลือกโหลด][พากย์ไทย] | |
|
+15jungkleblue sitsan kuykuy123 nulonely htee decemberr adisorn JOJOBA BloodSoap pomberboy BANKPOP bankbool nong2tar anzaiguitarpop hight007 19 posters |
ผู้ตั้ง | ข้อความ |
---|
hight007 ผู้ช่วยแอดมิน
จำนวนข้อความ : 96 เงิน : 225 ได้รับคำกล่าวขอบคุณ : 16 Join date : 13/07/2010 Age : 32 ที่อยู่ : http://minecraft-lzc.logu2.com
| เรื่อง: [BIT][ไทย]มาแล้วคร๊าบ ร้อนจากเตา Ong Bak 3/องค์บาก 3[มีแผ่น D5,D9 ให้เลือกโหลด][พากย์ไทย] Thu Aug 12, 2010 10:34 am | |
| # Disc : 1 Rated G-13 Copyright/Studio : สหมงคลฟิล์มอินเตอร์เนชั่นแนล / ไอยราฟิล์ม Genres Action , Drama , Thai Video Format : Anamorphic Widescreen 1.85:1 Audio : Thai 5.1 Director : พนม ยีรัมย์ , พันนา ฤทธิไกร Starring : พนม ยีรัมย์ , นิรุตติ์ ศิริจรรยา , ศรัณยู วงศ์กระจ่าง , พริมรตา เดชอุดม , เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา , ชูพงษ์ ช่างปรุง Synopsis : หลัง จากพ่ายแพ้แก่ ภูติสางกา (เดี่ยว ชูพงษ์) สูญเสียทั้ง 2 บิดา ออกญาสีหเดโช (สันติสุข พรหมศิริ) และ เชอนัง (สรพงษ์ ชาตรี) รวมทั้งบรรดาพี่น้องแห่งชุมโจรผาปีกครุฑ ทุกศาสตร์ยุทธ์ที่ถูกบ่มเพาะฝึกฝนมาทั้งชีวิตของเทียน (จา พนม ยีรัมย์) ล้วนถูกทำลายย่อยยับจนหมดสิ้น ต้องโทษฑัณฑ์ถูกทรมานพิการเจียนตาย เหลือเพียงแค่ลมหายใจอันรวยริน ฤาชีวิตทั้งมวลล้วนจบสิ้นลง ดั่งคำทำนาย เมื่อครั้งถือกำเนิด ยามใดจับต้องศาสตรา ชีวิตจักมืดมนต้องโทษทุกข์แสนสาหัส ท่ามกลางบ่วงกรรมที่ยังคงดำเนินเกี่ยวพันสืบเนื่องต่อไป บัดนี้ร่างที่ไร้ชีวิตของบุรุษนักสู้ผู้เป็นตำนานได้รับความช่วยเหลือถูก ลำเลียงขนย้ายส่งต่อไปยังหมู่บ้านอโรคยา ที่ในอดีต เทียน และ พิม (จ๊ะจ๋า พริมตา เดชอุดม) เคยใช้ชีวิตเติบโตเรียนรู้เรื่องสมุนไพรใบยาบ่มเพาะสมาธิ ซึมซับวิชาโขนนาฏศิลป์ โดยมีเหล่าผู้คนในหมู่บ้านทั้งหมดไม่เว้นแม้แต่เด็กเล็กผู้เฒ่าผู้แก่ หรือกระทั่งคนบ้าที่ไร้สติแต่ไม่เคยมีพิษภัยกับใครอย่าง ไอ้เหม็น (หม่ำ จ๊กมก) ก็ต่างมาร่วมกันหลอมจิต ศรัทธารวมเป็นหนึ่งช่วยกันหล่อพระพุทธรูปอันศักดิ์สิทธิ์ขึ้นเพื่อส่ง จิตระลึกให้เทียนฟื้นคืนสติกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ขณะที่พิมเองได้นำเอาท่วงท่าการร่ายรำดัดตัวตามรูปแบบของนาฏศิลป์โขนโบราณ มาช่วยในการรักษาบำบัดร่างกายที่เสื่อมสลายโดยมี ครูบัว (นิรุตติ์ ศิริจรรยา) ที่ปัจจุบันกลายเป็นพระบัวเปิดทางให้เทียนได้เริ่มต้นเข้าสู่สมาธิเพื่อฝึก ควบคุมร่างกาย กล่อมเกลาสภาวะจิตให้นิ่ง เรียนรู้และต่อสู้กับด้านมืดในใจ เพื่อบรรลุถึงจิตวิญญาณอันบริสุทธิ์ที่หลับใหล หลอมหลวมเข้ากับ “พลังศรัทธาอันแรงกล้า” จากธาตุธรรมชาติทั้ง 4 “ดิน น้ำ ลม ไฟ” ผสมผสาน จนก่อเกิดการค้นพบ “นาฏยุทธ์” ศาสตร์และศิลปะการต่อสู้อันทรงอานุภาพอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน ในขณะที่แผนการณ์ต่างๆ ของ พระยาราชเสนา (ศรัณยู วงษ์กระจ่าง) ล้วนแต่บรรลุตามความประสงค์แทบทั้งสิ้น โดยมีเป้าหมายหลักคือ การก้าวขึ้นสู่ความเป็น จอมราชันย์ที่พร้อมสยบทุกสิ่ง และแน่นอนว่าเมื่อรวมเหล่านักฆ่ามากฝีมือ และบรรดาไพร่พลที่มีอยู่รายล้อมรอบตัวอันมากมายมหาศาลด้วยแล้ว ภายใต้ผืนนภา และเหนือพื้นพสุธาอันกว้างใหญ่ไพศาลย่อมไร้ซึ่งผู้กล้ารายใดที่คิดจะต่อกร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้ “ภูติสางกา” ฑูตสังหารที่มาพร้อมกับ “ภูติยุทธ์” ศาสตร์การต่อสู้ที่ไร้รูปแบบและร่องรอย อยู่เคียงข้างและรวมเป็นหนึ่งเดียวด้วยแล้ว ดูเหมือนว่าทุกสรรพสิ่งล้วนสยบนิ่งอยู่แทบเท้าเลยทีเดียว และทันทีที่พระยาราชเสนารู้ว่าบัดนี้เทียนได้รับการชุบชีวิตจากชาวหมู่บ้าน คณะโขนด้วยแล้ว คำสั่งเลือดและการระดมเหล่าทหารและขุมกำลังทั้งหมดถูกส่งไปเพื่อทำลายร้าง และเข่นฆ่าผู้คนในหมู่บ้านที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างทันท่วงที โดยที่ตัวพิมเองถูกทหารจับตัวกลับไปยังพระราชวังเพื่อสำเร็จโทษอาญาคชฑัณฑ์ (ใส่ตะกร้อให้ช้างเตะ) ต่อหน้าหมู่ทาสและกลุ่มประชาชนทั้งหมด ทำให้เทียนที่บัดนี้กำลังเรียนรู้และก้าวเข้าสู่วิถีสมาธิอันสงบนิ่ง ต้องยอมละตัวเองออกจากดวงจิตอันบริสุทธ์เพื่อเผชิญกับวิบากกรรมและขวากหนาม ที่เป็นอุปสรรคซึ่งถูกลิขิตไว้อย่างไม่จบสิ้น จากเหล่าอริราชแลศัตรูอันชั่วร้ายที่ยังคงหมายที่จะคร่าเอาชีวิตเทียน ไม่ว่าจะเป็น “ภูติสางกา” หรือ “พระยาราชเสนา” เอง ในขณะเดียวกันดูเหมือนว่า “ความแค้นและพลังจากด้านมืดในจิตของ” ของเทียนเอง ก็พร้อมที่จะถาโถมเข้าครอบงำ ทำลายและทำร้ายเทียนตลอดเวลา ทางเดียวที่จะเอาชนะกรรมที่เริ่มก่อตัวขึ้น นั่นคือต้องเผชิญหน้าและเรียนรู้ที่จะควบคุมและเอาชนะจิตใจตนเองให้ได้ เตรียมพบกับการเผชิญหน้าและศึกการต่อสู้ครั้งสุดท้ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดใน ชีวิต กับอภิมหาภาพยนตร์แอ็คชั่นที่คนทั้งโลกรอคอยกับบทสรุปของ “องค์บาก 3” จุดกำเนิดขององค์บาก ตำนานการต่อสู้แห่งจิตวิญญาณ หลอมรวมพลังศรัทธาอันมุ่งมั่นที่ไม่เคยดับสูญของบุรุษผู้เกิดมาเพื่อเป็น ตำนาน จุดเด่น องค์บาก 3 ศิลปะการต่อสู้ที่ใช้ในองค์บาก 3 ที่จา พนมได้เรียกขานว่านาฏยุทธ์นั้น จา พนมเล่าถึงที่มาที่ไปว่า “... ถ้านำโขนมาใช้ในการต่อสู้ มันก็คงจะแปลกดี ก็เลยไปศึกษาเรื่องโขนถึงขนาดที่ว่าที่มาของโขนเป็นมาอย่างไร ก็มาจากอินเดีย รามัญ แล้วก็จะมีตัวพระ ตัวยักษ์ ตัวลิง เราก็เริ่มสนใจ แล้วจริงๆ ในบรรดาตัวละครของโขน ผมจะชอบตัวละครอยู่ตัวหนึ่งคือตัวหนุมาน อย่างของจีนเขาก็จะมีมวยลิง ก็ไปนึกถึง ไปเห็น แล้วพอไปเปิดดูในตำราของท่ามวยอะไรต่างๆ เขาก็จะมีอย่างท่าหนุมานเหยียบลงกา หนุมานถวายแหวน อะไรพวกนี้ ก็ได้ศึกษามาเรื่อยๆ แล้วหลังจากนั้นก็ไปดูเรื่องลายแกะสลักในหิน เราก็เห็นว่าท่าจับ ท่าพระ มันเหมือนเป็นการต่อสู้ แต่พอผนวกเข้ากับศิลปะการต่อสู้ ซึ่งเราก็มาคิดใหม่ว่าจะทำอย่างไรที่จะนำศิลปะตรงนี้ออกไปในทางของหนังแล้ว คนดูรู้สึกว่ามันมีกลิ่นของโขน ให้มันมีความเป็นไทยขึ้นมา แล้วมีเสน่ห์ซึ่งจะแตกต่างจากโขนที่เล่นๆกัน นี่คือความตั้งใจในการนำเสนอของผม ...” ในขณะที่หากเป็นหนังแอ๊กชั่นส่วนอื่นๆ ที่นอกเหนือไปจากนาฏยุกต์แล้วนั้น จาได้เล่าให้ฟังว่า “... อย่างในองค์บาก 3 เราก็จะค่อยๆ เปิดการต่อสู้ที่เป็นการใช้อาวุธ ซึ่งตัวละครของผมยังไม่เคยได้ใช้อะไรเลย โดยมีบทมีเรื่องเข้ามาเป็นตัวนำส่งรองรับให้มีที่มาที่ไปด้วย อย่างฉากต่อสู้ที่ถูกพันธนาการโดยใช้โว่ตรวน จะต่อสู้ยังไงถึงจะหลุดพ้น โดยมีบทแล้วก็มีนำเอาพลองไม้ศอกนั่นเอง แล้วก็ยังมีฉากที่อลังการอีกฉากหนึ่งก็คือฉากที่ต่อสู้บนหลังช้างทั้งหมด ซึ่งในฉากนี้เราก็จะมีการนำเอานาฏยุทธ์ที่เราคิดมาใส่ลงไปด้วย เพราะเป็นไฮไลต์สำคัญสุด คือจะได้เห็นการต่อสู้แบบนาฏยุทธ์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน รวมทั้งแอ๊กชั่นบนหลังช้างที่ไม่ซ้ำกับองค์บาก 2 ด้วย ซึ่งเฉพาะแอ๊กชั่นบนหลังช้างเราเตรียมงานกัน 2 เดือน ผมให้ทีมสตั๊นท์ลงไปรีเสิร์ชข้อมูลว่าช้างทำอะไรได้บ้าง เพราะว่าเราเคยทำงานกับช้างมาแล้ว ทีนี้เรามาคิดว่าถ้าเราต่อสู้บนหลังช้างด้วยลอดท้องช้างด้วย จับงวงช้างด้วย จับงาช้างด้วย ลอดแล้วคนวิ่งกันไปมาสลับกับมีอาวุธด้วย ช้างจะมีท่าทีหรือมีความรู้สึกอย่างไร มันจะสามารถทำได้ไหม ก็ลองไปรีเสิร์ช แล้วก็เอากล้องวิดีโอไปถ่ายทำเป็นเวิร์กช็อปออกมา มันก็ทำได้ แล้วเราก็มาคิดเพิ่ม ทำอย่างไรที่จะนำเอานาฏยุทธ์เข้าไปใส่ให้มันลงตัว ก็พอดีเหมาะเจาะว่าเอาตัวยักษ์กับตัวลิงใส่ไปตรงช้าง เตรียมงานกัน 2 เดือน พอถึงเวลาถ่ายจริงก็ถ่ายกันเป็นเดือน ...” credit:OFF1979 | |
|
| |
anzaiguitarpop ชาวSc[แรกเริ่ม]
จำนวนข้อความ : 5 เงิน : 5 ได้รับคำกล่าวขอบคุณ : 0 Join date : 12/08/2010
| เรื่อง: Re: [BIT][ไทย]มาแล้วคร๊าบ ร้อนจากเตา Ong Bak 3/องค์บาก 3[มีแผ่น D5,D9 ให้เลือกโหลด][พากย์ไทย] Thu Aug 12, 2010 11:16 pm | |
| | |
|
| |
nong2tar ชาวSc[แรกเริ่ม]
จำนวนข้อความ : 10 เงิน : 10 ได้รับคำกล่าวขอบคุณ : 0 Join date : 02/08/2010
| เรื่อง: Re: [BIT][ไทย]มาแล้วคร๊าบ ร้อนจากเตา Ong Bak 3/องค์บาก 3[มีแผ่น D5,D9 ให้เลือกโหลด][พากย์ไทย] Fri Aug 20, 2010 11:21 am | |
| ชอบคุณมั๊กๆๆ | |
|
| |
bankbool ชาวSc[แรกเริ่ม]
จำนวนข้อความ : 8 เงิน : 8 ได้รับคำกล่าวขอบคุณ : 0 Join date : 23/07/2010
| เรื่อง: ccdcd Mon Aug 23, 2010 8:28 pm | |
| | |
|
| |
BANKPOP
จำนวนข้อความ : 4 เงิน : 4 ได้รับคำกล่าวขอบคุณ : 0 Join date : 26/08/2010
| เรื่อง: ขอเหอะ' Thu Aug 26, 2010 10:38 pm | |
| | |
|
| |
pomberboy
จำนวนข้อความ : 1 เงิน : 1 ได้รับคำกล่าวขอบคุณ : 0 Join date : 06/09/2010
| เรื่อง: Re: [BIT][ไทย]มาแล้วคร๊าบ ร้อนจากเตา Ong Bak 3/องค์บาก 3[มีแผ่น D5,D9 ให้เลือกโหลด][พากย์ไทย] Mon Sep 06, 2010 5:36 pm | |
| - hight007 พิมพ์ว่า:
# Disc : 1
Rated G-13
Copyright/Studio : สหมงคลฟิล์มอินเตอร์เนชั่นแนล / ไอยราฟิล์ม
Genres
Action , Drama , Thai
Video Format : Anamorphic Widescreen 1.85:1
Audio : Thai 5.1
Director : พนม ยีรัมย์ , พันนา ฤทธิไกร
Starring : พนม ยีรัมย์ , นิรุตติ์ ศิริจรรยา , ศรัณยู วงศ์กระจ่าง , พริมรตา เดชอุดม , เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา , ชูพงษ์ ช่างปรุง
Synopsis : หลัง จากพ่ายแพ้แก่ ภูติสางกา (เดี่ยว ชูพงษ์) สูญเสียทั้ง 2 บิดา ออกญาสีหเดโช (สันติสุข พรหมศิริ) และ เชอนัง (สรพงษ์ ชาตรี) รวมทั้งบรรดาพี่น้องแห่งชุมโจรผาปีกครุฑ ทุกศาสตร์ยุทธ์ที่ถูกบ่มเพาะฝึกฝนมาทั้งชีวิตของเทียน (จา พนม ยีรัมย์) ล้วนถูกทำลายย่อยยับจนหมดสิ้น ต้องโทษฑัณฑ์ถูกทรมานพิการเจียนตาย เหลือเพียงแค่ลมหายใจอันรวยริน ฤาชีวิตทั้งมวลล้วนจบสิ้นลง ดั่งคำทำนาย เมื่อครั้งถือกำเนิด ยามใดจับต้องศาสตรา ชีวิตจักมืดมนต้องโทษทุกข์แสนสาหัส ท่ามกลางบ่วงกรรมที่ยังคงดำเนินเกี่ยวพันสืบเนื่องต่อไป บัดนี้ร่างที่ไร้ชีวิตของบุรุษนักสู้ผู้เป็นตำนานได้รับความช่วยเหลือถูก ลำเลียงขนย้ายส่งต่อไปยังหมู่บ้านอโรคยา ที่ในอดีต เทียน และ พิม (จ๊ะจ๋า พริมตา เดชอุดม) เคยใช้ชีวิตเติบโตเรียนรู้เรื่องสมุนไพรใบยาบ่มเพาะสมาธิ ซึมซับวิชาโขนนาฏศิลป์ โดยมีเหล่าผู้คนในหมู่บ้านทั้งหมดไม่เว้นแม้แต่เด็กเล็กผู้เฒ่าผู้แก่ หรือกระทั่งคนบ้าที่ไร้สติแต่ไม่เคยมีพิษภัยกับใครอย่าง ไอ้เหม็น (หม่ำ จ๊กมก) ก็ต่างมาร่วมกันหลอมจิต
ศรัทธารวมเป็นหนึ่งช่วยกันหล่อพระพุทธรูปอันศักดิ์สิทธิ์ขึ้นเพื่อส่ง จิตระลึกให้เทียนฟื้นคืนสติกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ขณะที่พิมเองได้นำเอาท่วงท่าการร่ายรำดัดตัวตามรูปแบบของนาฏศิลป์โขนโบราณ มาช่วยในการรักษาบำบัดร่างกายที่เสื่อมสลายโดยมี ครูบัว (นิรุตติ์ ศิริจรรยา) ที่ปัจจุบันกลายเป็นพระบัวเปิดทางให้เทียนได้เริ่มต้นเข้าสู่สมาธิเพื่อฝึก ควบคุมร่างกาย กล่อมเกลาสภาวะจิตให้นิ่ง เรียนรู้และต่อสู้กับด้านมืดในใจ เพื่อบรรลุถึงจิตวิญญาณอันบริสุทธิ์ที่หลับใหล หลอมหลวมเข้ากับ “พลังศรัทธาอันแรงกล้า” จากธาตุธรรมชาติทั้ง 4 “ดิน น้ำ ลม ไฟ” ผสมผสาน จนก่อเกิดการค้นพบ “นาฏยุทธ์” ศาสตร์และศิลปะการต่อสู้อันทรงอานุภาพอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน
ในขณะที่แผนการณ์ต่างๆ ของ พระยาราชเสนา (ศรัณยู วงษ์กระจ่าง) ล้วนแต่บรรลุตามความประสงค์แทบทั้งสิ้น โดยมีเป้าหมายหลักคือ การก้าวขึ้นสู่ความเป็น จอมราชันย์ที่พร้อมสยบทุกสิ่ง และแน่นอนว่าเมื่อรวมเหล่านักฆ่ามากฝีมือ และบรรดาไพร่พลที่มีอยู่รายล้อมรอบตัวอันมากมายมหาศาลด้วยแล้ว ภายใต้ผืนนภา และเหนือพื้นพสุธาอันกว้างใหญ่ไพศาลย่อมไร้ซึ่งผู้กล้ารายใดที่คิดจะต่อกร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้ “ภูติสางกา” ฑูตสังหารที่มาพร้อมกับ “ภูติยุทธ์” ศาสตร์การต่อสู้ที่ไร้รูปแบบและร่องรอย อยู่เคียงข้างและรวมเป็นหนึ่งเดียวด้วยแล้ว ดูเหมือนว่าทุกสรรพสิ่งล้วนสยบนิ่งอยู่แทบเท้าเลยทีเดียว
และทันทีที่พระยาราชเสนารู้ว่าบัดนี้เทียนได้รับการชุบชีวิตจากชาวหมู่บ้าน คณะโขนด้วยแล้ว คำสั่งเลือดและการระดมเหล่าทหารและขุมกำลังทั้งหมดถูกส่งไปเพื่อทำลายร้าง และเข่นฆ่าผู้คนในหมู่บ้านที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างทันท่วงที โดยที่ตัวพิมเองถูกทหารจับตัวกลับไปยังพระราชวังเพื่อสำเร็จโทษอาญาคชฑัณฑ์ (ใส่ตะกร้อให้ช้างเตะ) ต่อหน้าหมู่ทาสและกลุ่มประชาชนทั้งหมด
ทำให้เทียนที่บัดนี้กำลังเรียนรู้และก้าวเข้าสู่วิถีสมาธิอันสงบนิ่ง ต้องยอมละตัวเองออกจากดวงจิตอันบริสุทธ์เพื่อเผชิญกับวิบากกรรมและขวากหนาม ที่เป็นอุปสรรคซึ่งถูกลิขิตไว้อย่างไม่จบสิ้น จากเหล่าอริราชแลศัตรูอันชั่วร้ายที่ยังคงหมายที่จะคร่าเอาชีวิตเทียน ไม่ว่าจะเป็น “ภูติสางกา” หรือ “พระยาราชเสนา” เอง ในขณะเดียวกันดูเหมือนว่า “ความแค้นและพลังจากด้านมืดในจิตของ” ของเทียนเอง ก็พร้อมที่จะถาโถมเข้าครอบงำ ทำลายและทำร้ายเทียนตลอดเวลา ทางเดียวที่จะเอาชนะกรรมที่เริ่มก่อตัวขึ้น นั่นคือต้องเผชิญหน้าและเรียนรู้ที่จะควบคุมและเอาชนะจิตใจตนเองให้ได้
ใจจ้า
เตรียมพบกับการเผชิญหน้าและศึกการต่อสู้ครั้งสุดท้ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดใน ชีวิต กับอภิมหาภาพยนตร์แอ็คชั่นที่คนทั้งโลกรอคอยกับบทสรุปของ “องค์บาก 3” จุดกำเนิดขององค์บาก ตำนานการต่อสู้แห่งจิตวิญญาณ หลอมรวมพลังศรัทธาอันมุ่งมั่นที่ไม่เคยดับสูญของบุรุษผู้เกิดมาเพื่อเป็น ตำนาน
จุดเด่น องค์บาก 3
ศิลปะการต่อสู้ที่ใช้ในองค์บาก 3 ที่จา พนมได้เรียกขานว่านาฏยุทธ์นั้น จา พนมเล่าถึงที่มาที่ไปว่า
“... ถ้านำโขนมาใช้ในการต่อสู้ มันก็คงจะแปลกดี ก็เลยไปศึกษาเรื่องโขนถึงขนาดที่ว่าที่มาของโขนเป็นมาอย่างไร ก็มาจากอินเดีย รามัญ แล้วก็จะมีตัวพระ ตัวยักษ์ ตัวลิง เราก็เริ่มสนใจ แล้วจริงๆ ในบรรดาตัวละครของโขน ผมจะชอบตัวละครอยู่ตัวหนึ่งคือตัวหนุมาน อย่างของจีนเขาก็จะมีมวยลิง ก็ไปนึกถึง ไปเห็น แล้วพอไปเปิดดูในตำราของท่ามวยอะไรต่างๆ เขาก็จะมีอย่างท่าหนุมานเหยียบลงกา หนุมานถวายแหวน อะไรพวกนี้ ก็ได้ศึกษามาเรื่อยๆ แล้วหลังจากนั้นก็ไปดูเรื่องลายแกะสลักในหิน เราก็เห็นว่าท่าจับ ท่าพระ มันเหมือนเป็นการต่อสู้ แต่พอผนวกเข้ากับศิลปะการต่อสู้ ซึ่งเราก็มาคิดใหม่ว่าจะทำอย่างไรที่จะนำศิลปะตรงนี้ออกไปในทางของหนังแล้ว คนดูรู้สึกว่ามันมีกลิ่นของโขน ให้มันมีความเป็นไทยขึ้นมา แล้วมีเสน่ห์ซึ่งจะแตกต่างจากโขนที่เล่นๆกัน นี่คือความตั้งใจในการนำเสนอของผม ...”
ในขณะที่หากเป็นหนังแอ๊กชั่นส่วนอื่นๆ ที่นอกเหนือไปจากนาฏยุกต์แล้วนั้น จาได้เล่าให้ฟังว่า
“... อย่างในองค์บาก 3 เราก็จะค่อยๆ เปิดการต่อสู้ที่เป็นการใช้อาวุธ ซึ่งตัวละครของผมยังไม่เคยได้ใช้อะไรเลย โดยมีบทมีเรื่องเข้ามาเป็นตัวนำส่งรองรับให้มีที่มาที่ไปด้วย อย่างฉากต่อสู้ที่ถูกพันธนาการโดยใช้โว่ตรวน จะต่อสู้ยังไงถึงจะหลุดพ้น โดยมีบทแล้วก็มีนำเอาพลองไม้ศอกนั่นเอง แล้วก็ยังมีฉากที่อลังการอีกฉากหนึ่งก็คือฉากที่ต่อสู้บนหลังช้างทั้งหมด ซึ่งในฉากนี้เราก็จะมีการนำเอานาฏยุทธ์ที่เราคิดมาใส่ลงไปด้วย เพราะเป็นไฮไลต์สำคัญสุด คือจะได้เห็นการต่อสู้แบบนาฏยุทธ์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน รวมทั้งแอ๊กชั่นบนหลังช้างที่ไม่ซ้ำกับองค์บาก 2 ด้วย ซึ่งเฉพาะแอ๊กชั่นบนหลังช้างเราเตรียมงานกัน 2 เดือน ผมให้ทีมสตั๊นท์ลงไปรีเสิร์ชข้อมูลว่าช้างทำอะไรได้บ้าง เพราะว่าเราเคยทำงานกับช้างมาแล้ว ทีนี้เรามาคิดว่าถ้าเราต่อสู้บนหลังช้างด้วยลอดท้องช้างด้วย จับงวงช้างด้วย จับงาช้างด้วย ลอดแล้วคนวิ่งกันไปมาสลับกับมีอาวุธด้วย ช้างจะมีท่าทีหรือมีความรู้สึกอย่างไร มันจะสามารถทำได้ไหม ก็ลองไปรีเสิร์ช แล้วก็เอากล้องวิดีโอไปถ่ายทำเป็นเวิร์กช็อปออกมา มันก็ทำได้ แล้วเราก็มาคิดเพิ่ม ทำอย่างไรที่จะนำเอานาฏยุทธ์เข้าไปใส่ให้มันลงตัว ก็พอดีเหมาะเจาะว่าเอาตัวยักษ์กับตัวลิงใส่ไปตรงช้าง เตรียมงานกัน 2 เดือน พอถึงเวลาถ่ายจริงก็ถ่ายกันเป็นเดือน ...”
credit:OFF1979
| |
|
| |
BloodSoap ชาวSc[แรกเริ่ม]
จำนวนข้อความ : 12 เงิน : 12 ได้รับคำกล่าวขอบคุณ : 0 Join date : 10/09/2010
| เรื่อง: Re: [BIT][ไทย]มาแล้วคร๊าบ ร้อนจากเตา Ong Bak 3/องค์บาก 3[มีแผ่น D5,D9 ให้เลือกโหลด][พากย์ไทย] Fri Sep 10, 2010 1:41 pm | |
| | |
|
| |
JOJOBA
จำนวนข้อความ : 2 เงิน : 2 ได้รับคำกล่าวขอบคุณ : 0 Join date : 11/10/2010
| เรื่อง: Re: [BIT][ไทย]มาแล้วคร๊าบ ร้อนจากเตา Ong Bak 3/องค์บาก 3[มีแผ่น D5,D9 ให้เลือกโหลด][พากย์ไทย] Mon Oct 11, 2010 6:19 pm | |
| | |
|
| |
adisorn
จำนวนข้อความ : 2 เงิน : 2 ได้รับคำกล่าวขอบคุณ : 0 Join date : 04/11/2010
| เรื่อง: Re: [BIT][ไทย]มาแล้วคร๊าบ ร้อนจากเตา Ong Bak 3/องค์บาก 3[มีแผ่น D5,D9 ให้เลือกโหลด][พากย์ไทย] Thu Nov 04, 2010 11:46 am | |
| | |
|
| |
decemberr
จำนวนข้อความ : 1 เงิน : 1 ได้รับคำกล่าวขอบคุณ : 0 Join date : 03/02/2011
| เรื่อง: Re: [BIT][ไทย]มาแล้วคร๊าบ ร้อนจากเตา Ong Bak 3/องค์บาก 3[มีแผ่น D5,D9 ให้เลือกโหลด][พากย์ไทย] Thu Feb 03, 2011 5:53 am | |
| =========================== | |
|
| |
htee ชาวSc[แรกเริ่ม]
จำนวนข้อความ : 9 เงิน : 9 ได้รับคำกล่าวขอบคุณ : 0 Join date : 12/02/2011
| เรื่อง: Re: [BIT][ไทย]มาแล้วคร๊าบ ร้อนจากเตา Ong Bak 3/องค์บาก 3[มีแผ่น D5,D9 ให้เลือกโหลด][พากย์ไทย] Tue Feb 15, 2011 10:31 pm | |
| | |
|
| |
nulonely
จำนวนข้อความ : 3 เงิน : 3 ได้รับคำกล่าวขอบคุณ : 0 Join date : 12/04/2011
| เรื่อง: Re: [BIT][ไทย]มาแล้วคร๊าบ ร้อนจากเตา Ong Bak 3/องค์บาก 3[มีแผ่น D5,D9 ให้เลือกโหลด][พากย์ไทย] Sun Apr 17, 2011 10:50 am | |
| | |
|
| |
kuykuy123
จำนวนข้อความ : 1 เงิน : 1 ได้รับคำกล่าวขอบคุณ : 0 Join date : 21/05/2011
| เรื่อง: Re: [BIT][ไทย]มาแล้วคร๊าบ ร้อนจากเตา Ong Bak 3/องค์บาก 3[มีแผ่น D5,D9 ให้เลือกโหลด][พากย์ไทย] Sat May 21, 2011 8:24 pm | |
| - hight007 พิมพ์ว่า:
# Disc : 1
Rated G-13
Copyright/Studio : สหมงคลฟิล์มอินเตอร์เนชั่นแนล / ไอยราฟิล์ม
Genres
Action , Drama , Thai
Video Format : Anamorphic Widescreen 1.85:1
Audio : Thai 5.1
Director : พนม ยีรัมย์ , พันนา ฤทธิไกร
Starring : พนม ยีรัมย์ , นิรุตติ์ ศิริจรรยา , ศรัณยู วงศ์กระจ่าง , พริมรตา เดชอุดม , เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา , ชูพงษ์ ช่างปรุง
Synopsis : หลัง จากพ่ายแพ้แก่ ภูติสางกา (เดี่ยว ชูพงษ์) สูญเสียทั้ง 2 บิดา ออกญาสีหเดโช (สันติสุข พรหมศิริ) และ เชอนัง (สรพงษ์ ชาตรี) รวมทั้งบรรดาพี่น้องแห่งชุมโจรผาปีกครุฑ ทุกศาสตร์ยุทธ์ที่ถูกบ่มเพาะฝึกฝนมาทั้งชีวิตของเทียน (จา พนม ยีรัมย์) ล้วนถูกทำลายย่อยยับจนหมดสิ้น ต้องโทษฑัณฑ์ถูกทรมานพิการเจียนตาย เหลือเพียงแค่ลมหายใจอันรวยริน ฤาชีวิตทั้งมวลล้วนจบสิ้นลง ดั่งคำทำนาย เมื่อครั้งถือกำเนิด ยามใดจับต้องศาสตรา ชีวิตจักมืดมนต้องโทษทุกข์แสนสาหัส ท่ามกลางบ่วงกรรมที่ยังคงดำเนินเกี่ยวพันสืบเนื่องต่อไป บัดนี้ร่างที่ไร้ชีวิตของบุรุษนักสู้ผู้เป็นตำนานได้รับความช่วยเหลือถูก ลำเลียงขนย้ายส่งต่อไปยังหมู่บ้านอโรคยา ที่ในอดีต เทียน และ พิม (จ๊ะจ๋า พริมตา เดชอุดม) เคยใช้ชีวิตเติบโตเรียนรู้เรื่องสมุนไพรใบยาบ่มเพาะสมาธิ ซึมซับวิชาโขนนาฏศิลป์ โดยมีเหล่าผู้คนในหมู่บ้านทั้งหมดไม่เว้นแม้แต่เด็กเล็กผู้เฒ่าผู้แก่ หรือกระทั่งคนบ้าที่ไร้สติแต่ไม่เคยมีพิษภัยกับใครอย่าง ไอ้เหม็น (หม่ำ จ๊กมก) ก็ต่างมาร่วมกันหลอมจิต
ศรัทธารวมเป็นหนึ่งช่วยกันหล่อพระพุทธรูปอันศักดิ์สิทธิ์ขึ้นเพื่อส่ง จิตระลึกให้เทียนฟื้นคืนสติกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ขณะที่พิมเองได้นำเอาท่วงท่าการร่ายรำดัดตัวตามรูปแบบของนาฏศิลป์โขนโบราณ มาช่วยในการรักษาบำบัดร่างกายที่เสื่อมสลายโดยมี ครูบัว (นิรุตติ์ ศิริจรรยา) ที่ปัจจุบันกลายเป็นพระบัวเปิดทางให้เทียนได้เริ่มต้นเข้าสู่สมาธิเพื่อฝึก ควบคุมร่างกาย กล่อมเกลาสภาวะจิตให้นิ่ง เรียนรู้และต่อสู้กับด้านมืดในใจ เพื่อบรรลุถึงจิตวิญญาณอันบริสุทธิ์ที่หลับใหล หลอมหลวมเข้ากับ “พลังศรัทธาอันแรงกล้า” จากธาตุธรรมชาติทั้ง 4 “ดิน น้ำ ลม ไฟ” ผสมผสาน จนก่อเกิดการค้นพบ “นาฏยุทธ์” ศาสตร์และศิลปะการต่อสู้อันทรงอานุภาพอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน
ในขณะที่แผนการณ์ต่างๆ ของ พระยาราชเสนา (ศรัณยู วงษ์กระจ่าง) ล้วนแต่บรรลุตามความประสงค์แทบทั้งสิ้น โดยมีเป้าหมายหลักคือ การก้าวขึ้นสู่ความเป็น จอมราชันย์ที่พร้อมสยบทุกสิ่ง และแน่นอนว่าเมื่อรวมเหล่านักฆ่ามากฝีมือ และบรรดาไพร่พลที่มีอยู่รายล้อมรอบตัวอันมากมายมหาศาลด้วยแล้ว ภายใต้ผืนนภา และเหนือพื้นพสุธาอันกว้างใหญ่ไพศาลย่อมไร้ซึ่งผู้กล้ารายใดที่คิดจะต่อกร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้ “ภูติสางกา” ฑูตสังหารที่มาพร้อมกับ “ภูติยุทธ์” ศาสตร์การต่อสู้ที่ไร้รูปแบบและร่องรอย อยู่เคียงข้างและรวมเป็นหนึ่งเดียวด้วยแล้ว ดูเหมือนว่าทุกสรรพสิ่งล้วนสยบนิ่งอยู่แทบเท้าเลยทีเดียว
และทันทีที่พระยาราชเสนารู้ว่าบัดนี้เทียนได้รับการชุบชีวิตจากชาวหมู่บ้าน คณะโขนด้วยแล้ว คำสั่งเลือดและการระดมเหล่าทหารและขุมกำลังทั้งหมดถูกส่งไปเพื่อทำลายร้าง และเข่นฆ่าผู้คนในหมู่บ้านที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างทันท่วงที โดยที่ตัวพิมเองถูกทหารจับตัวกลับไปยังพระราชวังเพื่อสำเร็จโทษอาญาคชฑัณฑ์ (ใส่ตะกร้อให้ช้างเตะ) ต่อหน้าหมู่ทาสและกลุ่มประชาชนทั้งหมด
ทำให้เทียนที่บัดนี้กำลังเรียนรู้และก้าวเข้าสู่วิถีสมาธิอันสงบนิ่ง ต้องยอมละตัวเองออกจากดวงจิตอันบริสุทธ์เพื่อเผชิญกับวิบากกรรมและขวากหนาม ที่เป็นอุปสรรคซึ่งถูกลิขิตไว้อย่างไม่จบสิ้น จากเหล่าอริราชแลศัตรูอันชั่วร้ายที่ยังคงหมายที่จะคร่าเอาชีวิตเทียน ไม่ว่าจะเป็น “ภูติสางกา” หรือ “พระยาราชเสนา” เอง ในขณะเดียวกันดูเหมือนว่า “ความแค้นและพลังจากด้านมืดในจิตของ” ของเทียนเอง ก็พร้อมที่จะถาโถมเข้าครอบงำ ทำลายและทำร้ายเทียนตลอดเวลา ทางเดียวที่จะเอาชนะกรรมที่เริ่มก่อตัวขึ้น นั่นคือต้องเผชิญหน้าและเรียนรู้ที่จะควบคุมและเอาชนะจิตใจตนเองให้ได้
เตรียมพบกับการเผชิญหน้าและศึกการต่อสู้ครั้งสุดท้ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดใน ชีวิต กับอภิมหาภาพยนตร์แอ็คชั่นที่คนทั้งโลกรอคอยกับบทสรุปของ “องค์บาก 3” จุดกำเนิดขององค์บาก ตำนานการต่อสู้แห่งจิตวิญญาณ หลอมรวมพลังศรัทธาอันมุ่งมั่นที่ไม่เคยดับสูญของบุรุษผู้เกิดมาเพื่อเป็น ตำนาน
จุดเด่น องค์บาก 3
ศิลปะการต่อสู้ที่ใช้ในองค์บาก 3 ที่จา พนมได้เรียกขานว่านาฏยุทธ์นั้น จา พนมเล่าถึงที่มาที่ไปว่า
“... ถ้านำโขนมาใช้ในการต่อสู้ มันก็คงจะแปลกดี ก็เลยไปศึกษาเรื่องโขนถึงขนาดที่ว่าที่มาของโขนเป็นมาอย่างไร ก็มาจากอินเดีย รามัญ แล้วก็จะมีตัวพระ ตัวยักษ์ ตัวลิง เราก็เริ่มสนใจ แล้วจริงๆ ในบรรดาตัวละครของโขน ผมจะชอบตัวละครอยู่ตัวหนึ่งคือตัวหนุมาน อย่างของจีนเขาก็จะมีมวยลิง ก็ไปนึกถึง ไปเห็น แล้วพอไปเปิดดูในตำราของท่ามวยอะไรต่างๆ เขาก็จะมีอย่างท่าหนุมานเหยียบลงกา หนุมานถวายแหวน อะไรพวกนี้ ก็ได้ศึกษามาเรื่อยๆ แล้วหลังจากนั้นก็ไปดูเรื่องลายแกะสลักในหิน เราก็เห็นว่าท่าจับ ท่าพระ มันเหมือนเป็นการต่อสู้ แต่พอผนวกเข้ากับศิลปะการต่อสู้ ซึ่งเราก็มาคิดใหม่ว่าจะทำอย่างไรที่จะนำศิลปะตรงนี้ออกไปในทางของหนังแล้ว คนดูรู้สึกว่ามันมีกลิ่นของโขน ให้มันมีความเป็นไทยขึ้นมา แล้วมีเสน่ห์ซึ่งจะแตกต่างจากโขนที่เล่นๆกัน นี่คือความตั้งใจในการนำเสนอของผม ...”
ในขณะที่หากเป็นหนังแอ๊กชั่นส่วนอื่นๆ ที่นอกเหนือไปจากนาฏยุกต์แล้วนั้น จาได้เล่าให้ฟังว่า
“... อย่างในองค์บาก 3 เราก็จะค่อยๆ เปิดการต่อสู้ที่เป็นการใช้อาวุธ ซึ่งตัวละครของผมยังไม่เคยได้ใช้อะไรเลย โดยมีบทมีเรื่องเข้ามาเป็นตัวนำส่งรองรับให้มีที่มาที่ไปด้วย อย่างฉากต่อสู้ที่ถูกพันธนาการโดยใช้โว่ตรวน จะต่อสู้ยังไงถึงจะหลุดพ้น โดยมีบทแล้วก็มีนำเอาพลองไม้ศอกนั่นเอง แล้วก็ยังมีฉากที่อลังการอีกฉากหนึ่งก็คือฉากที่ต่อสู้บนหลังช้างทั้งหมด ซึ่งในฉากนี้เราก็จะมีการนำเอานาฏยุทธ์ที่เราคิดมาใส่ลงไปด้วย เพราะเป็นไฮไลต์สำคัญสุด คือจะได้เห็นการต่อสู้แบบนาฏยุทธ์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน รวมทั้งแอ๊กชั่นบนหลังช้างที่ไม่ซ้ำกับองค์บาก 2 ด้วย ซึ่งเฉพาะแอ๊กชั่นบนหลังช้างเราเตรียมงานกัน 2 เดือน ผมให้ทีมสตั๊นท์ลงไปรีเสิร์ชข้อมูลว่าช้างทำอะไรได้บ้าง เพราะว่าเราเคยทำงานกับช้างมาแล้ว ทีนี้เรามาคิดว่าถ้าเราต่อสู้บนหลังช้างด้วยลอดท้องช้างด้วย จับงวงช้างด้วย จับงาช้างด้วย ลอดแล้วคนวิ่งกันไปมาสลับกับมีอาวุธด้วย ช้างจะมีท่าทีหรือมีความรู้สึกอย่างไร มันจะสามารถทำได้ไหม ก็ลองไปรีเสิร์ช แล้วก็เอากล้องวิดีโอไปถ่ายทำเป็นเวิร์กช็อปออกมา มันก็ทำได้ แล้วเราก็มาคิดเพิ่ม ทำอย่างไรที่จะนำเอานาฏยุทธ์เข้าไปใส่ให้มันลงตัว ก็พอดีเหมาะเจาะว่าเอาตัวยักษ์กับตัวลิงใส่ไปตรงช้าง เตรียมงานกัน 2 เดือน พอถึงเวลาถ่ายจริงก็ถ่ายกันเป็นเดือน ...”
credit:OFF1979
ใจมักๆๆ ครับ | |
|
| |
sitsan ชาวSc[แรกเริ่ม]
จำนวนข้อความ : 9 เงิน : 9 ได้รับคำกล่าวขอบคุณ : 0 Join date : 18/05/2011
| เรื่อง: Re: [BIT][ไทย]มาแล้วคร๊าบ ร้อนจากเตา Ong Bak 3/องค์บาก 3[มีแผ่น D5,D9 ให้เลือกโหลด][พากย์ไทย] Sat Sep 10, 2011 8:14 pm | |
| | |
|
| |
jungkleblue
จำนวนข้อความ : 1 เงิน : 1 ได้รับคำกล่าวขอบคุณ : 0 Join date : 12/05/2012
| เรื่อง: Thx Sat May 12, 2012 12:40 pm | |
| | |
|
| |
ramnarong
จำนวนข้อความ : 1 เงิน : 1 ได้รับคำกล่าวขอบคุณ : 0 Join date : 19/06/2012
| เรื่อง: Re: [BIT][ไทย]มาแล้วคร๊าบ ร้อนจากเตา Ong Bak 3/องค์บาก 3[มีแผ่น D5,D9 ให้เลือกโหลด][พากย์ไทย] Tue Jun 19, 2012 10:47 am | |
| - jungkleblue พิมพ์ว่า:
- Thxxxx
thank | |
|
| |
ballcyber
จำนวนข้อความ : 1 เงิน : 1 ได้รับคำกล่าวขอบคุณ : 0 Join date : 11/07/2012
| เรื่อง: Re: [BIT][ไทย]มาแล้วคร๊าบ ร้อนจากเตา Ong Bak 3/องค์บาก 3[มีแผ่น D5,D9 ให้เลือกโหลด][พากย์ไทย] Wed Jul 11, 2012 7:58 am | |
| ขอบคุนมากคร้าบ ยังมีคนปล่อยอยู่มั้ยเนี่ย ^^ - hight007 พิมพ์ว่า:
# Disc : 1
Rated G-13
Copyright/Studio : สหมงคลฟิล์มอินเตอร์เนชั่นแนล / ไอยราฟิล์ม
Genres
Action , Drama , Thai
Video Format : Anamorphic Widescreen 1.85:1
Audio : Thai 5.1
Director : พนม ยีรัมย์ , พันนา ฤทธิไกร
Starring : พนม ยีรัมย์ , นิรุตติ์ ศิริจรรยา , ศรัณยู วงศ์กระจ่าง , พริมรตา เดชอุดม , เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา , ชูพงษ์ ช่างปรุง
Synopsis : หลัง จากพ่ายแพ้แก่ ภูติสางกา (เดี่ยว ชูพงษ์) สูญเสียทั้ง 2 บิดา ออกญาสีหเดโช (สันติสุข พรหมศิริ) และ เชอนัง (สรพงษ์ ชาตรี) รวมทั้งบรรดาพี่น้องแห่งชุมโจรผาปีกครุฑ ทุกศาสตร์ยุทธ์ที่ถูกบ่มเพาะฝึกฝนมาทั้งชีวิตของเทียน (จา พนม ยีรัมย์) ล้วนถูกทำลายย่อยยับจนหมดสิ้น ต้องโทษฑัณฑ์ถูกทรมานพิการเจียนตาย เหลือเพียงแค่ลมหายใจอันรวยริน ฤาชีวิตทั้งมวลล้วนจบสิ้นลง ดั่งคำทำนาย เมื่อครั้งถือกำเนิด ยามใดจับต้องศาสตรา ชีวิตจักมืดมนต้องโทษทุกข์แสนสาหัส ท่ามกลางบ่วงกรรมที่ยังคงดำเนินเกี่ยวพันสืบเนื่องต่อไป บัดนี้ร่างที่ไร้ชีวิตของบุรุษนักสู้ผู้เป็นตำนานได้รับความช่วยเหลือถูก ลำเลียงขนย้ายส่งต่อไปยังหมู่บ้านอโรคยา ที่ในอดีต เทียน และ พิม (จ๊ะจ๋า พริมตา เดชอุดม) เคยใช้ชีวิตเติบโตเรียนรู้เรื่องสมุนไพรใบยาบ่มเพาะสมาธิ ซึมซับวิชาโขนนาฏศิลป์ โดยมีเหล่าผู้คนในหมู่บ้านทั้งหมดไม่เว้นแม้แต่เด็กเล็กผู้เฒ่าผู้แก่ หรือกระทั่งคนบ้าที่ไร้สติแต่ไม่เคยมีพิษภัยกับใครอย่าง ไอ้เหม็น (หม่ำ จ๊กมก) ก็ต่างมาร่วมกันหลอมจิต
ศรัทธารวมเป็นหนึ่งช่วยกันหล่อพระพุทธรูปอันศักดิ์สิทธิ์ขึ้นเพื่อส่ง จิตระลึกให้เทียนฟื้นคืนสติกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ขณะที่พิมเองได้นำเอาท่วงท่าการร่ายรำดัดตัวตามรูปแบบของนาฏศิลป์โขนโบราณ มาช่วยในการรักษาบำบัดร่างกายที่เสื่อมสลายโดยมี ครูบัว (นิรุตติ์ ศิริจรรยา) ที่ปัจจุบันกลายเป็นพระบัวเปิดทางให้เทียนได้เริ่มต้นเข้าสู่สมาธิเพื่อฝึก ควบคุมร่างกาย กล่อมเกลาสภาวะจิตให้นิ่ง เรียนรู้และต่อสู้กับด้านมืดในใจ เพื่อบรรลุถึงจิตวิญญาณอันบริสุทธิ์ที่หลับใหล หลอมหลวมเข้ากับ “พลังศรัทธาอันแรงกล้า” จากธาตุธรรมชาติทั้ง 4 “ดิน น้ำ ลม ไฟ” ผสมผสาน จนก่อเกิดการค้นพบ “นาฏยุทธ์” ศาสตร์และศิลปะการต่อสู้อันทรงอานุภาพอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน
ในขณะที่แผนการณ์ต่างๆ ของ พระยาราชเสนา (ศรัณยู วงษ์กระจ่าง) ล้วนแต่บรรลุตามความประสงค์แทบทั้งสิ้น โดยมีเป้าหมายหลักคือ การก้าวขึ้นสู่ความเป็น จอมราชันย์ที่พร้อมสยบทุกสิ่ง และแน่นอนว่าเมื่อรวมเหล่านักฆ่ามากฝีมือ และบรรดาไพร่พลที่มีอยู่รายล้อมรอบตัวอันมากมายมหาศาลด้วยแล้ว ภายใต้ผืนนภา และเหนือพื้นพสุธาอันกว้างใหญ่ไพศาลย่อมไร้ซึ่งผู้กล้ารายใดที่คิดจะต่อกร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้ “ภูติสางกา” ฑูตสังหารที่มาพร้อมกับ “ภูติยุทธ์” ศาสตร์การต่อสู้ที่ไร้รูปแบบและร่องรอย อยู่เคียงข้างและรวมเป็นหนึ่งเดียวด้วยแล้ว ดูเหมือนว่าทุกสรรพสิ่งล้วนสยบนิ่งอยู่แทบเท้าเลยทีเดียว
และทันทีที่พระยาราชเสนารู้ว่าบัดนี้เทียนได้รับการชุบชีวิตจากชาวหมู่บ้าน คณะโขนด้วยแล้ว คำสั่งเลือดและการระดมเหล่าทหารและขุมกำลังทั้งหมดถูกส่งไปเพื่อทำลายร้าง และเข่นฆ่าผู้คนในหมู่บ้านที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างทันท่วงที โดยที่ตัวพิมเองถูกทหารจับตัวกลับไปยังพระราชวังเพื่อสำเร็จโทษอาญาคชฑัณฑ์ (ใส่ตะกร้อให้ช้างเตะ) ต่อหน้าหมู่ทาสและกลุ่มประชาชนทั้งหมด
ทำให้เทียนที่บัดนี้กำลังเรียนรู้และก้าวเข้าสู่วิถีสมาธิอันสงบนิ่ง ต้องยอมละตัวเองออกจากดวงจิตอันบริสุทธ์เพื่อเผชิญกับวิบากกรรมและขวากหนาม ที่เป็นอุปสรรคซึ่งถูกลิขิตไว้อย่างไม่จบสิ้น จากเหล่าอริราชแลศัตรูอันชั่วร้ายที่ยังคงหมายที่จะคร่าเอาชีวิตเทียน ไม่ว่าจะเป็น “ภูติสางกา” หรือ “พระยาราชเสนา” เอง ในขณะเดียวกันดูเหมือนว่า “ความแค้นและพลังจากด้านมืดในจิตของ” ของเทียนเอง ก็พร้อมที่จะถาโถมเข้าครอบงำ ทำลายและทำร้ายเทียนตลอดเวลา ทางเดียวที่จะเอาชนะกรรมที่เริ่มก่อตัวขึ้น นั่นคือต้องเผชิญหน้าและเรียนรู้ที่จะควบคุมและเอาชนะจิตใจตนเองให้ได้
เตรียมพบกับการเผชิญหน้าและศึกการต่อสู้ครั้งสุดท้ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดใน ชีวิต กับอภิมหาภาพยนตร์แอ็คชั่นที่คนทั้งโลกรอคอยกับบทสรุปของ “องค์บาก 3” จุดกำเนิดขององค์บาก ตำนานการต่อสู้แห่งจิตวิญญาณ หลอมรวมพลังศรัทธาอันมุ่งมั่นที่ไม่เคยดับสูญของบุรุษผู้เกิดมาเพื่อเป็น ตำนาน
จุดเด่น องค์บาก 3
ศิลปะการต่อสู้ที่ใช้ในองค์บาก 3 ที่จา พนมได้เรียกขานว่านาฏยุทธ์นั้น จา พนมเล่าถึงที่มาที่ไปว่า
“... ถ้านำโขนมาใช้ในการต่อสู้ มันก็คงจะแปลกดี ก็เลยไปศึกษาเรื่องโขนถึงขนาดที่ว่าที่มาของโขนเป็นมาอย่างไร ก็มาจากอินเดีย รามัญ แล้วก็จะมีตัวพระ ตัวยักษ์ ตัวลิง เราก็เริ่มสนใจ แล้วจริงๆ ในบรรดาตัวละครของโขน ผมจะชอบตัวละครอยู่ตัวหนึ่งคือตัวหนุมาน อย่างของจีนเขาก็จะมีมวยลิง ก็ไปนึกถึง ไปเห็น แล้วพอไปเปิดดูในตำราของท่ามวยอะไรต่างๆ เขาก็จะมีอย่างท่าหนุมานเหยียบลงกา หนุมานถวายแหวน อะไรพวกนี้ ก็ได้ศึกษามาเรื่อยๆ แล้วหลังจากนั้นก็ไปดูเรื่องลายแกะสลักในหิน เราก็เห็นว่าท่าจับ ท่าพระ มันเหมือนเป็นการต่อสู้ แต่พอผนวกเข้ากับศิลปะการต่อสู้ ซึ่งเราก็มาคิดใหม่ว่าจะทำอย่างไรที่จะนำศิลปะตรงนี้ออกไปในทางของหนังแล้ว คนดูรู้สึกว่ามันมีกลิ่นของโขน ให้มันมีความเป็นไทยขึ้นมา แล้วมีเสน่ห์ซึ่งจะแตกต่างจากโขนที่เล่นๆกัน นี่คือความตั้งใจในการนำเสนอของผม ...”
ในขณะที่หากเป็นหนังแอ๊กชั่นส่วนอื่นๆ ที่นอกเหนือไปจากนาฏยุกต์แล้วนั้น จาได้เล่าให้ฟังว่า
“... อย่างในองค์บาก 3 เราก็จะค่อยๆ เปิดการต่อสู้ที่เป็นการใช้อาวุธ ซึ่งตัวละครของผมยังไม่เคยได้ใช้อะไรเลย โดยมีบทมีเรื่องเข้ามาเป็นตัวนำส่งรองรับให้มีที่มาที่ไปด้วย อย่างฉากต่อสู้ที่ถูกพันธนาการโดยใช้โว่ตรวน จะต่อสู้ยังไงถึงจะหลุดพ้น โดยมีบทแล้วก็มีนำเอาพลองไม้ศอกนั่นเอง แล้วก็ยังมีฉากที่อลังการอีกฉากหนึ่งก็คือฉากที่ต่อสู้บนหลังช้างทั้งหมด ซึ่งในฉากนี้เราก็จะมีการนำเอานาฏยุทธ์ที่เราคิดมาใส่ลงไปด้วย เพราะเป็นไฮไลต์สำคัญสุด คือจะได้เห็นการต่อสู้แบบนาฏยุทธ์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน รวมทั้งแอ๊กชั่นบนหลังช้างที่ไม่ซ้ำกับองค์บาก 2 ด้วย ซึ่งเฉพาะแอ๊กชั่นบนหลังช้างเราเตรียมงานกัน 2 เดือน ผมให้ทีมสตั๊นท์ลงไปรีเสิร์ชข้อมูลว่าช้างทำอะไรได้บ้าง เพราะว่าเราเคยทำงานกับช้างมาแล้ว ทีนี้เรามาคิดว่าถ้าเราต่อสู้บนหลังช้างด้วยลอดท้องช้างด้วย จับงวงช้างด้วย จับงาช้างด้วย ลอดแล้วคนวิ่งกันไปมาสลับกับมีอาวุธด้วย ช้างจะมีท่าทีหรือมีความรู้สึกอย่างไร มันจะสามารถทำได้ไหม ก็ลองไปรีเสิร์ช แล้วก็เอากล้องวิดีโอไปถ่ายทำเป็นเวิร์กช็อปออกมา มันก็ทำได้ แล้วเราก็มาคิดเพิ่ม ทำอย่างไรที่จะนำเอานาฏยุทธ์เข้าไปใส่ให้มันลงตัว ก็พอดีเหมาะเจาะว่าเอาตัวยักษ์กับตัวลิงใส่ไปตรงช้าง เตรียมงานกัน 2 เดือน พอถึงเวลาถ่ายจริงก็ถ่ายกันเป็นเดือน ...”
credit:OFF1979
| |
|
| |
cooleri
จำนวนข้อความ : 3 เงิน : 3 ได้รับคำกล่าวขอบคุณ : 0 Join date : 03/10/2012
| เรื่อง: Re: [BIT][ไทย]มาแล้วคร๊าบ ร้อนจากเตา Ong Bak 3/องค์บาก 3[มีแผ่น D5,D9 ให้เลือกโหลด][พากย์ไทย] Wed Oct 03, 2012 1:41 am | |
| dffff | |
|
| |
teepumkamkaw
จำนวนข้อความ : 1 เงิน : 1 ได้รับคำกล่าวขอบคุณ : 0 Join date : 11/07/2013
| เรื่อง: Re: [BIT][ไทย]มาแล้วคร๊าบ ร้อนจากเตา Ong Bak 3/องค์บาก 3[มีแผ่น D5,D9 ให้เลือกโหลด][พากย์ไทย] Thu Jul 11, 2013 5:34 pm | |
| - hight007 พิมพ์ว่า:
# Disc : 1
Rated G-13
Copyright/Studio : สหมงคลฟิล์มอินเตอร์เนชั่นแนล / ไอยราฟิล์ม
Genres
Action , Drama , Thai
Video Format : Anamorphic Widescreen 1.85:1
Audio : Thai 5.1
เยี่ยมมม
Director : พนม ยีรัมย์ , พันนา ฤทธิไกร
Starring : พนม ยีรัมย์ , นิรุตติ์ ศิริจรรยา , ศรัณยู วงศ์กระจ่าง , พริมรตา เดชอุดม , เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา , ชูพงษ์ ช่างปรุง
Synopsis : หลัง จากพ่ายแพ้แก่ ภูติสางกา (เดี่ยว ชูพงษ์) สูญเสียทั้ง 2 บิดา ออกญาสีหเดโช (สันติสุข พรหมศิริ) และ เชอนัง (สรพงษ์ ชาตรี) รวมทั้งบรรดาพี่น้องแห่งชุมโจรผาปีกครุฑ ทุกศาสตร์ยุทธ์ที่ถูกบ่มเพาะฝึกฝนมาทั้งชีวิตของเทียน (จา พนม ยีรัมย์) ล้วนถูกทำลายย่อยยับจนหมดสิ้น ต้องโทษฑัณฑ์ถูกทรมานพิการเจียนตาย เหลือเพียงแค่ลมหายใจอันรวยริน ฤาชีวิตทั้งมวลล้วนจบสิ้นลง ดั่งคำทำนาย เมื่อครั้งถือกำเนิด ยามใดจับต้องศาสตรา ชีวิตจักมืดมนต้องโทษทุกข์แสนสาหัส ท่ามกลางบ่วงกรรมที่ยังคงดำเนินเกี่ยวพันสืบเนื่องต่อไป บัดนี้ร่างที่ไร้ชีวิตของบุรุษนักสู้ผู้เป็นตำนานได้รับความช่วยเหลือถูก ลำเลียงขนย้ายส่งต่อไปยังหมู่บ้านอโรคยา ที่ในอดีต เทียน และ พิม (จ๊ะจ๋า พริมตา เดชอุดม) เคยใช้ชีวิตเติบโตเรียนรู้เรื่องสมุนไพรใบยาบ่มเพาะสมาธิ ซึมซับวิชาโขนนาฏศิลป์ โดยมีเหล่าผู้คนในหมู่บ้านทั้งหมดไม่เว้นแม้แต่เด็กเล็กผู้เฒ่าผู้แก่ หรือกระทั่งคนบ้าที่ไร้สติแต่ไม่เคยมีพิษภัยกับใครอย่าง ไอ้เหม็น (หม่ำ จ๊กมก) ก็ต่างมาร่วมกันหลอมจิต
ศรัทธารวมเป็นหนึ่งช่วยกันหล่อพระพุทธรูปอันศักดิ์สิทธิ์ขึ้นเพื่อส่ง จิตระลึกให้เทียนฟื้นคืนสติกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ขณะที่พิมเองได้นำเอาท่วงท่าการร่ายรำดัดตัวตามรูปแบบของนาฏศิลป์โขนโบราณ มาช่วยในการรักษาบำบัดร่างกายที่เสื่อมสลายโดยมี ครูบัว (นิรุตติ์ ศิริจรรยา) ที่ปัจจุบันกลายเป็นพระบัวเปิดทางให้เทียนได้เริ่มต้นเข้าสู่สมาธิเพื่อฝึก ควบคุมร่างกาย กล่อมเกลาสภาวะจิตให้นิ่ง เรียนรู้และต่อสู้กับด้านมืดในใจ เพื่อบรรลุถึงจิตวิญญาณอันบริสุทธิ์ที่หลับใหล หลอมหลวมเข้ากับ “พลังศรัทธาอันแรงกล้า” จากธาตุธรรมชาติทั้ง 4 “ดิน น้ำ ลม ไฟ” ผสมผสาน จนก่อเกิดการค้นพบ “นาฏยุทธ์” ศาสตร์และศิลปะการต่อสู้อันทรงอานุภาพอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน
ในขณะที่แผนการณ์ต่างๆ ของ พระยาราชเสนา (ศรัณยู วงษ์กระจ่าง) ล้วนแต่บรรลุตามความประสงค์แทบทั้งสิ้น โดยมีเป้าหมายหลักคือ การก้าวขึ้นสู่ความเป็น จอมราชันย์ที่พร้อมสยบทุกสิ่ง และแน่นอนว่าเมื่อรวมเหล่านักฆ่ามากฝีมือ และบรรดาไพร่พลที่มีอยู่รายล้อมรอบตัวอันมากมายมหาศาลด้วยแล้ว ภายใต้ผืนนภา และเหนือพื้นพสุธาอันกว้างใหญ่ไพศาลย่อมไร้ซึ่งผู้กล้ารายใดที่คิดจะต่อกร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้ “ภูติสางกา” ฑูตสังหารที่มาพร้อมกับ “ภูติยุทธ์” ศาสตร์การต่อสู้ที่ไร้รูปแบบและร่องรอย อยู่เคียงข้างและรวมเป็นหนึ่งเดียวด้วยแล้ว ดูเหมือนว่าทุกสรรพสิ่งล้วนสยบนิ่งอยู่แทบเท้าเลยทีเดียว
และทันทีที่พระยาราชเสนารู้ว่าบัดนี้เทียนได้รับการชุบชีวิตจากชาวหมู่บ้าน คณะโขนด้วยแล้ว คำสั่งเลือดและการระดมเหล่าทหารและขุมกำลังทั้งหมดถูกส่งไปเพื่อทำลายร้าง และเข่นฆ่าผู้คนในหมู่บ้านที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างทันท่วงที โดยที่ตัวพิมเองถูกทหารจับตัวกลับไปยังพระราชวังเพื่อสำเร็จโทษอาญาคชฑัณฑ์ (ใส่ตะกร้อให้ช้างเตะ) ต่อหน้าหมู่ทาสและกลุ่มประชาชนทั้งหมด
ทำให้เทียนที่บัดนี้กำลังเรียนรู้และก้าวเข้าสู่วิถีสมาธิอันสงบนิ่ง ต้องยอมละตัวเองออกจากดวงจิตอันบริสุทธ์เพื่อเผชิญกับวิบากกรรมและขวากหนาม ที่เป็นอุปสรรคซึ่งถูกลิขิตไว้อย่างไม่จบสิ้น จากเหล่าอริราชแลศัตรูอันชั่วร้ายที่ยังคงหมายที่จะคร่าเอาชีวิตเทียน ไม่ว่าจะเป็น “ภูติสางกา” หรือ “พระยาราชเสนา” เอง ในขณะเดียวกันดูเหมือนว่า “ความแค้นและพลังจากด้านมืดในจิตของ” ของเทียนเอง ก็พร้อมที่จะถาโถมเข้าครอบงำ ทำลายและทำร้ายเทียนตลอดเวลา ทางเดียวที่จะเอาชนะกรรมที่เริ่มก่อตัวขึ้น นั่นคือต้องเผชิญหน้าและเรียนรู้ที่จะควบคุมและเอาชนะจิตใจตนเองให้ได้
เตรียมพบกับการเผชิญหน้าและศึกการต่อสู้ครั้งสุดท้ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดใน ชีวิต กับอภิมหาภาพยนตร์แอ็คชั่นที่คนทั้งโลกรอคอยกับบทสรุปของ “องค์บาก 3” จุดกำเนิดขององค์บาก ตำนานการต่อสู้แห่งจิตวิญญาณ หลอมรวมพลังศรัทธาอันมุ่งมั่นที่ไม่เคยดับสูญของบุรุษผู้เกิดมาเพื่อเป็น ตำนาน
จุดเด่น องค์บาก 3
ศิลปะการต่อสู้ที่ใช้ในองค์บาก 3 ที่จา พนมได้เรียกขานว่านาฏยุทธ์นั้น จา พนมเล่าถึงที่มาที่ไปว่า
“... ถ้านำโขนมาใช้ในการต่อสู้ มันก็คงจะแปลกดี ก็เลยไปศึกษาเรื่องโขนถึงขนาดที่ว่าที่มาของโขนเป็นมาอย่างไร ก็มาจากอินเดีย รามัญ แล้วก็จะมีตัวพระ ตัวยักษ์ ตัวลิง เราก็เริ่มสนใจ แล้วจริงๆ ในบรรดาตัวละครของโขน ผมจะชอบตัวละครอยู่ตัวหนึ่งคือตัวหนุมาน อย่างของจีนเขาก็จะมีมวยลิง ก็ไปนึกถึง ไปเห็น แล้วพอไปเปิดดูในตำราของท่ามวยอะไรต่างๆ เขาก็จะมีอย่างท่าหนุมานเหยียบลงกา หนุมานถวายแหวน อะไรพวกนี้ ก็ได้ศึกษามาเรื่อยๆ แล้วหลังจากนั้นก็ไปดูเรื่องลายแกะสลักในหิน เราก็เห็นว่าท่าจับ ท่าพระ มันเหมือนเป็นการต่อสู้ แต่พอผนวกเข้ากับศิลปะการต่อสู้ ซึ่งเราก็มาคิดใหม่ว่าจะทำอย่างไรที่จะนำศิลปะตรงนี้ออกไปในทางของหนังแล้ว คนดูรู้สึกว่ามันมีกลิ่นของโขน ให้มันมีความเป็นไทยขึ้นมา แล้วมีเสน่ห์ซึ่งจะแตกต่างจากโขนที่เล่นๆกัน นี่คือความตั้งใจในการนำเสนอของผม ...”
ในขณะที่หากเป็นหนังแอ๊กชั่นส่วนอื่นๆ ที่นอกเหนือไปจากนาฏยุกต์แล้วนั้น จาได้เล่าให้ฟังว่า
“... อย่างในองค์บาก 3 เราก็จะค่อยๆ เปิดการต่อสู้ที่เป็นการใช้อาวุธ ซึ่งตัวละครของผมยังไม่เคยได้ใช้อะไรเลย โดยมีบทมีเรื่องเข้ามาเป็นตัวนำส่งรองรับให้มีที่มาที่ไปด้วย อย่างฉากต่อสู้ที่ถูกพันธนาการโดยใช้โว่ตรวน จะต่อสู้ยังไงถึงจะหลุดพ้น โดยมีบทแล้วก็มีนำเอาพลองไม้ศอกนั่นเอง แล้วก็ยังมีฉากที่อลังการอีกฉากหนึ่งก็คือฉากที่ต่อสู้บนหลังช้างทั้งหมด ซึ่งในฉากนี้เราก็จะมีการนำเอานาฏยุทธ์ที่เราคิดมาใส่ลงไปด้วย เพราะเป็นไฮไลต์สำคัญสุด คือจะได้เห็นการต่อสู้แบบนาฏยุทธ์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน รวมทั้งแอ๊กชั่นบนหลังช้างที่ไม่ซ้ำกับองค์บาก 2 ด้วย ซึ่งเฉพาะแอ๊กชั่นบนหลังช้างเราเตรียมงานกัน 2 เดือน ผมให้ทีมสตั๊นท์ลงไปรีเสิร์ชข้อมูลว่าช้างทำอะไรได้บ้าง เพราะว่าเราเคยทำงานกับช้างมาแล้ว ทีนี้เรามาคิดว่าถ้าเราต่อสู้บนหลังช้างด้วยลอดท้องช้างด้วย จับงวงช้างด้วย จับงาช้างด้วย ลอดแล้วคนวิ่งกันไปมาสลับกับมีอาวุธด้วย ช้างจะมีท่าทีหรือมีความรู้สึกอย่างไร มันจะสามารถทำได้ไหม ก็ลองไปรีเสิร์ช แล้วก็เอากล้องวิดีโอไปถ่ายทำเป็นเวิร์กช็อปออกมา มันก็ทำได้ แล้วเราก็มาคิดเพิ่ม ทำอย่างไรที่จะนำเอานาฏยุทธ์เข้าไปใส่ให้มันลงตัว ก็พอดีเหมาะเจาะว่าเอาตัวยักษ์กับตัวลิงใส่ไปตรงช้าง เตรียมงานกัน 2 เดือน พอถึงเวลาถ่ายจริงก็ถ่ายกันเป็นเดือน ...”
credit:OFF1979
| |
|
| |
| [BIT][ไทย]มาแล้วคร๊าบ ร้อนจากเตา Ong Bak 3/องค์บาก 3[มีแผ่น D5,D9 ให้เลือกโหลด][พากย์ไทย] | |
|